เคลือบแก้ว | HI-END CLASS

การ “เคลือบแก้ว” เป็นหนึ่งในวิธีการดูแลรักษารถยนต์ที่ได้รับความนิยมอย่างมากในปัจจุบัน แต่หลายคนอาจยังสงสัยว่ามันคืออะไร มีประโยชน์อย่างไร และแตกต่างจากการเคลือบสีทั่วไปอย่างไร บทความนี้จะมาไขข้อสงสัยทุกประเด็นเกี่ยวกับเคลือบแก้วให้คุณเข้าใจอย่างละเอียด

เคลือบแก้ว คืออะไร?

เคลือบแก้ว (Glass Coating) คือ การใช้น้ำยาเคลือบแข็งที่มีส่วนผสมหลักคือ ซิลิกา (Silica) หรือ ซิลิกอนไดออกไซด์ (SiO2) ซึ่งเป็นสารชนิดเดียวกับที่ใช้ในการผลิตแก้ว มาเคลือบบนผิวสีรถยนต์ เพื่อสร้างชั้นฟิล์มบางๆ ที่มีความแข็งแรง ทนทาน และเงางาม ทำหน้าที่ปกป้องผิวสีรถจากปัจจัยต่างๆ

กระบวนการเคลือบแก้ว:

โดยทั่วไป กระบวนการเคลือบแก้วจะประกอบด้วยขั้นตอนต่างๆ ดังนี้:

  1. ล้างทำความสะอาด: ล้างรถให้สะอาดหมดจด ขจัดคราบสกปรก ฝุ่นละออง และสิ่งสกปรกต่างๆ
  2. ขัดเตรียมผิว: ขัดลบรอยขนแมว รอยขีดข่วนเล็กๆ น้อยๆ และคราบฝังแน่น เพื่อให้ผิวสีรถเรียบเนียน
  3. ลงน้ำยาเคลือบแก้ว: ลงน้ำยาเคลือบแก้วทีละส่วนอย่างพิถีพิถัน และเช็ดให้ทั่ว
  4. อบหรือบ่ม: ปล่อยให้น้ำยาเคลือบแก้วเซ็ตตัวและแข็งตัวเต็มที่ ซึ่งอาจใช้เวลาหลายชั่วโมง หรืออบด้วยความร้อนในบางกรณี

ความแตกต่างระหว่างเคลือบแก้วกับการเคลือบสีทั่วไป:

  • ความทนทาน: เคลือบแก้วมีความทนทานกว่าการเคลือบสีทั่วไปมาก สามารถอยู่ได้นาน 2-3 ปี ในขณะที่การเคลือบสีทั่วไปอาจอยู่ได้เพียงไม่กี่เดือน
  • ความแข็ง: ชั้นฟิล์มของเคลือบแก้วมีความแข็งแรงกว่า ช่วยป้องกันรอยขีดข่วนได้ดีกว่า
  • ความเงางาม: เคลือบแก้วให้ความเงางามที่โดดเด่นกว่า และมีความลึกของสีที่มากกว่า
  • การปกป้อง: เคลือบแก้วสามารถปกป้องผิวสีรถจากรังสี UV คราบสกปรก คราบน้ำ และสารเคมีต่างๆ ได้ดีกว่า

ข้อดีของการเคลือบแก้ว:

  • ปกป้องสีรถ: ช่วยปกป้องสีรถจากรอยขีดข่วน รอยขนแมว รอยด่าง และการซีดจางจากแสงแดด
  • เพิ่มความเงางาม: ทำให้รถดูเงางามเหมือนใหม่ตลอดเวลา
  • ทำความสะอาดง่าย: ลดการเกาะติดของคราบสกปรก ทำให้ล้างทำความสะอาดได้ง่ายขึ้น
  • รักษามูลค่ารถ: ช่วยรักษาสภาพรถให้ดูดี ทำให้มีมูลค่าเมื่อต้องการขายต่อ

ข้อควรระวังและข้อเสียของการเคลือบแก้ว:

  • ราคาค่อนข้างสูง: เมื่อเทียบกับการเคลือบสีทั่วไป
  • ต้องทำโดยผู้เชี่ยวชาญ: หากทำไม่ถูกวิธี อาจทำให้เกิดความเสียหายกับสีรถได้
  • ไม่สามารถป้องกันรอยหนัก: เคลือบแก้วสามารถป้องกันรอยขีดข่วนเล็กๆ น้อยๆ ได้ แต่ไม่สามารถป้องกันรอยหนักจากการกระแทกหรือการชนได้

สรุป:

การเคลือบแก้วเป็นวิธีการดูแลรักษารถยนต์ที่มีประสิทธิภาพสูง ช่วยปกป้องสีรถ เพิ่มความเงางาม และรักษามูลค่ารถ แต่ก็มีค่าใช้จ่ายที่สูงกว่าการเคลือบสีทั่วไป ควรพิจารณาข้อดี ข้อเสีย และความคุ้มค่าก่อนตัดสินใจทำ

คำแนะนำเพิ่มเติม:

  • ควรเลือกใช้น้ำยาเคลือบแก้วที่มีคุณภาพ และทำโดยผู้เชี่ยวชาญที่มีประสบการณ์
  • ควรดูแลรักษาหลังการเคลือบแก้วอย่างเหมาะสม เช่น ล้างรถด้วยน้ำยาที่ไม่รุนแรง และหลีกเลี่ยงการใช้ผ้าเนื้อหยาบเช็ดรถ

เปิดบริการ

วันอังคาร - อาทิตย์ 08:30 - 18:00 น.

ปิดบริการทุกวันจันทร์